ค่อนข้างจะเป็นปัญหาอยู่ไม่น้อยสำหรับเรื่อง “ส้นเท้าแตก” เพราะนอกจากจะเท้าไม่สวยแล้วยัง้จ็บเท้าอีกต่างหาก เพราะเท้าคืออวัยวะที่สำคัญของร่างกายที่ถูกใช้งานแทบจะตลอดเวลาทั้งแต่ตื่นนอนจนเข้านอน หากไม่ดูแลบำรุงรักษาปล่อยทิ้งไว้นานจนมีรอยแตก อาจนำไปสู่การอักเสบได้ วันนี้จะมาบอกวิธีป้องกัน “ส้นเท้าแตก” รวมถึงวิธีรักษา เคล็ดไม่ลับสำหรับเรื่องนี้อยากรู้มาดูกันเลย !
สาเหตุของ “ส้นเท้าแตก”
ก่อนอื่นเราต้องทราบถึงสาเหตุกันก่อนว่าเป็นเพราะอะไร สำหรับคนที่ไม่ชอบใส่รองเท้า ชอบเดินเท้าเปล่า ไม่ว่าจะเป็นการเดินกับพื้นเรียบๆ พื้นดิน หรือพื้นใดๆ ก็ตามโดยไม่สวมรองเท้า นี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการส้นเท้าแตกได้
การยืน เดิน เป็นเวลานานๆ
รวมทั้งคนที่ชอบเล่นกีฬาที่ทำให้ส้นเท้ากระแทกพื้นบ่อยๆ อย่างนักวิ่ง นักเต้นรำ ก็มักมีอาการส้นเท้าแตกได้เสมอ บางครั้ง “กรรมพันธุ์” ก็มีส่วนทำให้เกิดส้นเท้าแตกได้ การเป็นคนผิวแห้ง ผิวหนังกำพร้าชั้นขี้ไคลของฝ่าเท้าหนา จึงทำให้ผิวสูญเสียน้ำมากกว่าปกติ ไม่กักเก็บความชุ่มชื้น จากทำมห้ส้นเท้าแตก รวมทั้งการสวมรองเท้าไม่พอดีกับเท้า ก็เป็นสาเหตุได้เช่นกัน และอาการส้นเท้าแตกนี้มักพบบ่อยกับคนอ้วนที่มีน้ำหนักตัวมาก เพราะเมื่อน้ำหนักตัวมากเท้าก็รับน้ำหนักมากเช่นกัน
การใช้ “น้ำมันงา หรือ น้ำมันมะกอก” ในการรักษา
อย่างเป็นประจำ โดยการชโลมผิวหนังบริเวณส้นเท้าที่มีรอยแตก หลังจากการอาบน้ำทุกครั้ง ด้วยน้ำมันงาหรือน้ำมันมะกอกเพียงวันละ 15 นาที โดยไม่ต้องล้างออก ก็จะช่วยได้มากเช่นกัน
การรักษาด้วยวิธี “สครับผิวและนวดเท้า”
ตอนอาบน้ำ ก็ได้ผลที่ดีสำหรับการทำให้อาการส้นเท้าแตกหายไปได้ เริ่มจากโดยการนำ ผลิตภัณฑ์ชนิดที่ทำเพื่อส้นเท้าโดยเฉพาะมาขัด ให้นวดเบาๆที่ส้นเท้า จะทำให้ผิวหนังส่วนด้านๆ บริเวณเท้าและส้นเท้าหบุดออกไป จากนั้นบำรุงด้วยการครีมสำหรับส้นเท้าโดยเฉพาะ เมื่อทำบ่อยๆจะเห็นผลขึ้นว่า เท้าดูนุ่มขึ้นและกระจ่างใสขึ้น ได้อย่างเห็นได้ชัด แนะนำว่าควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่เชื่อถือได้มาใช้ หรือมีการรับรองจากสถาบันต่างๆได้ยิางเป็นการดี
การใช้ “วาสลีน” บำรุง
เป็นวิธีประหยัดงบได้มาก เริ่มจากการนำวาสลีนมาทาที่บริเวณที่มีรอยแตกเป็นประจำ เพราะวาสลีนจะคืนควมชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้อาการแตกลดน้อยลงไปได้ ควรทาก่อนนอนโดยไม่ต้องล้างออก
การ “แช่เท้าในน้ำอุ่น” จะช่วยขจัดเซลล์ผิวหนัง
ที่ตายแล้วให้ออกไปเองตามธรรมชาติ โดยให้คุณน้ำเท้าไปแช่ในน้ำอุ่นวันละ 15 นาที หลังจากนั้นใช้หินขัดเท้า ค่อยๆขัดเบาๆ ขัดให้ผิวหนังที่ตายแล้วหลุดออกมา ซึ่งจะทำให้ผิวนุ่มนวลขึ้นได้มาก แต่ไม่ควรใช้แปรงขัดเด็ดขาดเพราะจะทำให้เจ็บ และเพิ่มรอยแตกให้กับผิวมากขึ้นไปอีก หลังจากแช่น้ำอุ่นและขัดเท้าแล้ว ควรเช็ดเท้าให้แห้ง ตามด้วยทาครีมบำรุง ควรใช้ครีมสำหรับรักษาส้นเท้าแตกโดยเฉพาะ หรืออาจเป็นครีมที่เป็นสูตรทำเองต่างๆก็ได้ ให้ทำแบบนี้ประมาณ สัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้ง เมื่ออาการดีขึ้น ก็ค่อยๆ ลดการทำให้ถี่ออกไป แต่ไม่ควรทำทุกวันเพราะอาจทำให้ส้นเท้าช้ำ หรือเกิดการอักเสบได้
การ “แช่เท้าในน้ำอุ่นที่ผสมน้ำส้มสายชู” เป็นสูตรยอดนิยม
ที่หลายๆ คนมักทำแล้วได้ผล โดยการน้ำส้มสายชูประมาณครึ่งถ้วยเล็ก นำมาผสมกับน้ำอุ่นที่จะแช่เท้าและแช่เท้าไว้ประมาณ 20 – 30 นาที ตามด้วยการขัดเท้าเบาๆ ทำเหมือนกับการแช่น้ำอุ่นปกติ เมื่อขัดเสร็จแล้ว ให้เช็ดเท้าให้แห้ง และตามด้วยครีมบำรุงส้นเท้า จะสังเกตเห็นว่าเท้าของคุณจะชุ่มชื่นขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อทำวิธีนี้
การรักษาด้วย “เปลือกกล้วยหอม” นับเป็นการบำรุงเท้า
ไปในตัว โดยให้นำเปลือกกล้วยหอมไปถูบริเวณที่ส้นเท้าแตก พอกทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาด เมื่อทำเสร็จให้เช็ดเท้าให้แห้ง แล้วตามด้วยครีมบำรุงส้นเท้า วิธีนี้สามารถทำบ่อยๆ ได้ ควรทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้ง เพราะเปลือกกล้วยมีกรดผลไม้ มีสารอาหารที่ช่วยลอกผิวรวมทั้ง ช่วยสมานรอยแตกของส้นเท้าได้ด้วย หรืออาจเพิ่มหอมหัวใหญ่ในระหว่างที่ทาเปลือกกล้วยหอมอยู่แล้วด้วยก็ได้
หวังว่าคุณคงถูกใจบทความ ทำยังไงดีเมื่อ “ส้นเท้าแตก” อยากรู้ดูทางนี้ ! อันนี้
เครดิตภาพ : google.com , sanook.com