อาการแพ้อาหาร ถือว่าเป็นโรคภูมิแพ้ชนิดหนึ่ง ซึ่งส่วนมากจะพบภายในเด็ก มากกว่าผู้ใหญ่โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ยิ่งในปัจจุบัน เด็กไทย มีแนวโน้มที่จะ มีอาการแพ้อาหาร สูงกว่าแต่ก่อน ที่เคยพบเจอมา
อาการแพ้อาหารที่เกิดขึ้นกับเด็กเล็ก ส่วนใหญ่ จะเป็นอาหารประเภทถั่วเหลือง แป้งสาลี ไข่ นมวัว ซึ่งอาจเกิดการแพ้ในชนิดใดชนิดหนึ่ง หรือหลายชนิดร่วมกันก็ได้ แต่ก็จะมีอาหารบางประเภทที่พบ อาการแพ้ ในผู้ใหญ่และเด็กโต เช่น อาหารทะเลประเภทที่มีเปลือกหุ้ม จำพวก กุ้ง ปลาหมึก หอย เหลือปู โดยส่วนใหญ่เกิดหลังจากกินอาหาร ประเภทดังกล่าว ไปแล้วชั่วระยะหนึ่ง
การสังเกตอาการแพ้อาหารในเบื้องต้น โดยอาการแพ้ที่พบบ่อย มากที่สุด คือ ปากบวม ตาบวม มีผื่นขึ้นตามร่างกาย ยิ่งในเฉพาะเด็กเล็ก หรือทารก อาจเกิดอาการถ่ายเป็นมูกเลือด ซึ่งอาการเหล่านี้ มีความสัมพันธ์กับ อาหารที่กินเข้าไป โดยเฉพาะ ในอาหารกลุ่มเสี่ยง เรามาดูว่า ในคนไทย อาหารในกลุ่มเสี่ยงมีอะไรบ้าง
- อาหารประเภท ไข่ อาการแพ้ที่เกิดขึ้น จะพบการแพ้ทางผิวหนัง มากกว่าอาการอื่น โดยขึ้นเป็นผื่น มีทั้งแบบ เรื้อรัง และเฉียบพลัน โดยจะพบ ในไข่ขาวมากกว่าไข่แดง และยังมีบางคน ที่แพ้เฉพาะไข่ดิบ หรือใครที่ยังปรุงไม่สำเร็จดี ซึ่งจะเป็นส่วนผสม อยู่ในอาหารหลายชนิด เช่น ครีมสลัด โจ๊ก หรือไข่ลวก
- อาหารประเภท แป้งสาลี พบอาการได้ตั้งแต่ในวัยเด็ก หรือในบางกรณีพบว่าเพิ่งมาแพ้ในวัยผู้ใหญ่ ซึ่งอาจเกิด เป็นการแพ้ชนิดรุนแรง ที่เรียกว่า อนาฟัยแลคซิส (ANAPHYLAXIS)
- อาหารประเภท ถั่วเหลือง ถั่วเหลืองถือให้ว่า เป็นหัวที่เด็กไทยแพ้มากที่สุด ในบางกรณี คนที่มีอาการแพ้ถั่วเหลืองยังสามารถทานถั่วชนิดอื่นได้ เช่น ถั่วดำ ถั่วลิสง ถั่วแดง เพราะส่วนเรานี้อยู่คนละกลุ่มกัน ไม่มีความจำเป็น ที่จะต้องหลีกเลี่ยงอาหารประเภทถั่วทั้งหมด ที่สำคัญคือ ควรมีการปรึกษาแพทย์
- อาหารประเภท อาหารทะเลมีเปลือกหุ้ม เช่น ปู กุ้ง หอย ปลาหมึก อาการแพ้มักพบได้บ่อยในผู้ใหญ่และเด็กโต ในบางกรณี คนที่มีอาการแพ้ จะแพ้เฉพาะบางสายพันธุ์เท่านั้น แต่ก็มีบางคน ที่แพ้ทุกสายพันธุ์ โดยส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นอาหารทะเลที่ปรุงสุก หรือดิบ หลังจากกินเข้าไป ก็จะเกิดอาการแพ้ทั้งสิ้น เพราะโปรตีนที่ทำให้เกิดอาการแพ้ ทนต่อความร้อนได้
- อาหารประเภท นมวัว ในอันดับนี้ถือว่า เด็กไทยมีอาการแพ้มากที่สุด นี่เฉพาะในเด็กเล็ก หากมีอาการถึงขั้น ถ่ายเป็นมูกเลือด มีผื่นคันเรื้อรัง แหวะนมบ่อย หายใจติดขัด ในเด็กบางคน มีอาการแบบเฉียบพลัน เช่น หลอดลมตีบ มีผื่นลมพิษขึ้นตามร่างกาย เพราะฉะนั้นจำเป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด และหลีกเลี่ยงเมื่อเกิดอาการแพ้
สำหรับอาการแพ้อาหาร ที่ผมในเด็กเล็ก ส่วนใหญ่แล้ว จะค่อยๆดีขึ้น เมื่อโตขึ้น โดยสถิติ อาหารที่เด็กไทยจะหายแพ้ได้เร็วที่สุด จะเป็นอาหารประเภท นมวัว และไข่ และพบว่า เมื่อเด็กมีอายุ 2-3 ปี จะมีโอกาสหายจากอาการแพ้ ถึงร้อยละ 70-90 อันดับต่อมาคือแป้งสาลี มีโอกาสที่จะหายจากอาการแพ้ ร้อยละ 60 แต่เมื่ออายุได้ 3 ปีไปแล้ว จะมีโอกาสหายจากอาการแพ้ลดลง สำหรับอาหารทะเล จัดเป็นอันดับสุดท้าย
เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว เด็กยังมีการแพ้อาหาร และยังไม่มีทีท่าว่าจะหาย และหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดอาการแพ้ได้ยาก และยังส่งผลต่อคุณภาพชีวิต ของเด็ก รวมไปถึงครอบครัว ซึ่งในปัจจุบัน มีการรักษาอาการแพ้อาหาร ในกรณีที่แพ้แบบเฉียบพลัน สำหรับผู้ป่วยที่แพ้ แป้งสาลี ถั่วลิสง ไข่ นมวัว ซึ่งเรียกวิธีการนี้ว่า รักษาภาวะแพ้อาหารโดยวิธีรับประทาน โดยต้องทำการรักษาเป็นรายบุคคล โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการรักษาอาการแพ้อาหาร คือ ต้องระบุให้ได้ว่า อาการแพ้อาหารเกิดจากอาหารประเภทใด เบื้องต้นคือต้องหลีกเลี่ยงอาหารประเภทนั้น โดยต้องอ่านฉลากส่วนประกอบอาหาร ขอรับประทานทุกครั้ง และถ้ามีประวัติการแพ้ที่รุนแรง ต้องพกยาฉีด (ADRENALINE) ติดตัวไว้ด้วย ต้องพกบัตร ที่แสดงถึง ผู้ที่มีภาวะแพ้รุนแรง และควรใส่ใจในเรื่องโภชนาการ สารอาหารที่รับในแต่ละวันด้วย
อาการแพ้อาหารไม่ว่าจะเกิดขึ้นในเด็ก หรือผู้ใหญ่ แน่นอนว่า ย่อมส่งผลต่อการดำเนินชีวิต และคุณภาพชีวิต ทั้งของตัวเอง และยังส่งผลกระทบ เป็นวงกว้าง ไปยัง ครอบครัว โรงเรียน และสังคม ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นทางด้านผู้ปกครอง ของเด็กที่มีอาการแพ้ หรือในผู้ใหญ่เองก็ตาม ต้องมีความรู้และความเข้าใจ กลับอาการแพ้อาหารที่เกิดขึ้น ให้เป็นอย่างดี
ถ้ามีความสงสัย หรือมีอาการลักษณะที่เข้าข่าย ในการแพ้อาหาร ควรเข้ารับการปรึกษากับแพทย์ โดยตรง เพื่อที่จะได้ทำการตรวจ และให้คำแนะนำ เพื่อจะได้หลีกเลี่ยง อันตรายที่อาจเกิดขึ้น ได้อย่างทันท่วงที
“หนูน้อยแพ้อาหาร” รักษาได้จริงหรือ ?
เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> สล็อตแตกง่าย
