การดื่มแอลกอฮอล์อาจส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดของคุณได้ แต่หากคุณไม่ระมัดระวังในการเลือกดื่มอาจส่งผลทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้เช่นกัน ซึ่งการดื่มแอลกอฮอล์บางประเภทในปริมาณปานกลาง เช่น ไวน์แดง อาจปลอดภัยกว่า ในวันนี้เราจึงจะพาคุณมารู้จัก ประเภทของแอลกอฮอล์ที่เป็นมิตรสำหรับคนเป็นโรคเบาหวาน ! เพราะเราเชื่อว่าสิ่งนี้อาจเป็นประโยชน์ต่อการเลือกเครื่องดื่มที่เหมาะสำหรับคุณได้มากยิ่งขึ้น และเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราไปพบกับเนื้อหาสาระที่น่าสนใจดังต่อไปนี้กันเลยดีกว่า
Share on Pinterest
หากคุณเป็นโรคเบาหวาน การดื่มแอลกอฮอล์อาจปลอดภัยสำหรับคุณได้หากคุณมีวิธีเลือกเครื่องดื่มที่เหมาะสม และพิจารณาถึงผลกระทบของแอลกอฮอล์ต่อระดับน้ำตาลในเลือดของคุณ โรคเบาหวานทำให้การผลิตหรือการทำงานของอินซูลินต่ำกว่าปกติ ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ ดังนั้นการจัดการระดับน้ำตาลในเลือดจึงมีความสำคัญ นอกจากนี้การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาจเพิ่มหรือลดระดับน้ำตาลในเลือดของคุณได้ ขึ้นอยู่กับเครื่องดื่มและอาหารที่คุณรับประทาน
เบียร์
โดยทั่วไปแล้ว เบียร์คาร์โบไฮเดรตต่ำอาจมีแคลอรี่น้อยกว่าถึง 37% และคาร์โบไฮเดรตน้อยกว่าเบียร์ทั่วไปถึง 80%
เบียร์มิลเลอร์ไลท์
Miller Lite เป็นเบียร์ไลเกอร์สไตล์อเมริกันที่ทำจากข้าวบาร์เลย์มอลต์และน้ำเชื่อมข้าวโพด รวมถึงส่วนผสมอื่นๆ อย่างไรก็ตามมันมีคาร์โบไฮเดรตเพียง 3.2 กรัม ในกระป๋อง หรือขวดมาตรฐานขนาด 12 ออนซ์ (360 มล.) เทียบกับ 12 กรัม สำหรับปริมาณเดียวกันในเบียร์ Miller ทั่วไป จากความคิดเห็นของผู้บริโภคออนไลน์โดยส่วนใหญ่ ผู้คนยังคิดว่ามันมีกลิ่นหอมและรสชาติที่ยอดเยี่ยม ดังนั้นจึงอาจเป็นตัวเลือกยอดนิยมในช่วงฤดูร้อน
คูร์ส ไลท์
Coors เป็นอีกหนึ่งแบรนด์เบียร์ยอดนิยมของชาวอเมริกา นอกจากนี้ยังมีรุ่นคาร์โบไฮเดรตต่ำเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน เช่นเดียวกับ Miller Lite Coors Light เป็นเบียร์ไลเกอร์สไตล์อเมริกัน ให้คาร์โบไฮเดรต 5 กรัมต่อขวดขนาด 12 ออนซ์ (360 มล.) ในทางตรงกันข้ามตัวเลือกมาตรฐาน เช่น Coors Banquet ให้คาร์โบไฮเดรตเกือบ 12 กรัมต่อขวด จากบทวิจารณ์ในหลายๆแห่งมักมีการอธิบายว่าเบียร์นี้สดชื่น ดื่มง่าย และไม่อิ่มเกินไปเนื่องจากมีปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่ำ
Bud Lite
Bud Lite เป็นเบียร์คาร์โบไฮเดรตต่ำอีกชนิดหนึ่งที่ให้คาร์โบไฮเดรตน้อยกว่า 5 กรัม ต่อหนึ่งหน่วยบริโภค ด้วยคาร์โบไฮเดรต 4.6 กรัมต่อการเสิร์ฟ 12 ออนซ์ (360 มล.) ทำให้มีคาร์โบไฮเดรตน้อยกว่าบัดไวเซอร์ทั่วไปประมาณ 50% ซึ่ง Bud Lite เป็นที่รู้จักกันดีว่ามีรสหวานเล็กน้อย อย่างไรก็ตามความคิดเห็นของผู้บริโภคบางคนบอกว่ารสชาติค่อนข้างจืด แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความชอบของผู้ดื่มว่าชื่นชอบแบบใดและที่สำคัญคือมันเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนลดน้ำหนักไม่น้อย
เบียร์ Busch
เบียร์ Busch เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน เนื่องจากผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ของแบรนด์มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่ำ รวมถึงเบียร์ที่ไม่ได้ระบุว่ามีคาร์โบไฮเดรตต่ำ ตัวอย่างเช่น Busch ปกติที่ให้บริการขนาด 12 ออนซ์ (360 มล.) มีคาร์โบไฮเดรตเพียง 7 กรัม ในขณะที่ Busch Ice และ Busch Light ขนาดที่ให้บริการเท่ากันให้ 4.2 และ 3.2 กรัมตามลำดับ ผู้คนส่วนใหญ่ดูเหมือนจะเพลิดเพลินกับเบียร์ Busch ในวันฤดูร้อน ซึ่งถือได้ว่าเบียร์นี้เป็นตัวเลือกที่ดีและมีคาร์โบไฮเดรตต่ำ
เบียร์คาร์โบไฮเดรตต่ำเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเบียร์ทั่วไป เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นเบาหวานที่ต้องการดื่มเบียร์เย็น ๆ เป็นครั้งคราว
ไวน์
การบริโภคไวน์ในระดับปานกลางในผู้ป่วยโรคเบาหวานนั้น เชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่ลดลงของการเป็นโรคหัวใจได้ ซึ่งวัยแต่ละประเภทนั้นก็จะมีความแตกต่างกันออกไปดังต่อไปนี้
ไวน์แดง
ในบรรดาไวน์ทุกประเภท ไวน์แดงมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด ทั้งสำหรับผู้ที่เป็นเบาหวานและคนทั่วไป เนื่องจากมีปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระสูง การศึกษาแสดงให้เห็นว่าการดื่มอาจช่วยเพิ่มตัวบ่งชี้โรคหัวใจ และลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับโรคเบาหวาน เช่น เบาหวานขึ้นตา ซึ่งทำลายหลอดเลือดในดวงตา นอกจากนี้ยังให้คาร์โบไฮเดรตเพียง 3.8 กรัมในการให้บริการมาตรฐาน 5 ออนซ์ (150 มล.)
ไวน์ขาว
ไวน์ขาวมักถูกมองว่าเป็นเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง อย่างไรก็ตามปริมาณคาร์โบไฮเดรทของพวกมันเกือบจะเหมือนกับไวน์แดง ตัวอย่างเช่น ไวน์ขาวมาตรฐาน 5 ออนซ์ (150 มล.) หนึ่งแก้วให้คาร์โบไฮเดรต 3.8 กรัม ซึ่งในบรรดาไวน์ขาว แชมเปญอาจเป็นตัวเลือกที่ดีเป็นพิเศษหากคุณพยายามรักษาปริมาณคาร์โบไฮเดรตให้น้อยที่สุด อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับสไตล์ของแชมเปญ รวมถึงสายพันธุ์ของแต่ละวัตถุดิบที่นำมาทำพันธุ์แห้งและพันธุ์บรูตมีน้ำตาลต่ำค่อนข้างได้รับความนิยมสูงสำหรับในกลุ่มของสาวๆที่กำลังลดน้ำหนักและดีต่อผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน
แชมเปญแห้งพิเศษ 5 ออนซ์ (150 มล.) ให้คาร์โบไฮเดรต 1.7–2.5 กรัม แชมเปญ Brut และ Extra-Brut ในขนาดที่ให้บริการเดียวกันมีคาร์โบไฮเดรตน้อยกว่า 1.7 กรัมและน้อยกว่า 0.8 กรัมตามลำดับ นอกเหนือจากการมีปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่ำแล้ว ไวน์แดงอาจลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับโรคเบาหวานหากบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะ
สุรากลั่น
สุรากลั่นหรือสุราโดยทั่วไปนั้นส่วนใหญ่แล้วจะมีคาร์โบไฮเดรตน้อยหรือบางยี่ห้อก็อาจจะไม่มีเลย อย่างไรก็ตามคุณควรตระหนัก ถึงศักยภาพของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเมื่อบริโภคสิ่งเหล่านี้
สิ่งนี้อาจเกิดขึ้นเนื่องจากตับของคุณไม่สามารถรักษาระดับน้ำตาลในเลือดขั้นพื้นฐานได้ ในขณะที่เผาผลาญแอลกอฮอล์ไปด้วย ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเกินไป และยิ่งกว่านั้นหากคุณดื่มในขณะท้องว่างย่อมไม่ดีต่อสุขภาพ อย่างไรก็ตามสามารถดื่มได้เพียงแต่คุณควรดื่มในปริมาณที่น้อยและไม่ควรดื่มประจำทุกวัน
มาร์ตินี่
คุณทำมาร์ตินี่โดยผสมจินหรือวอดก้ากับเวอร์มุตแห้งในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 แล้ว ก็ให้คุณตกแต่งด้วยมะกอกหรือเปลือกมะนาว เนื่องจากไม่มีน้ำผลไม้หรือเครื่องผสมอื่นๆอยู่มากนัก จึงมีปริมาณคาร์โบไฮเดรตทั้งหมดเพียง 0.2 กรัม ในเครื่องดื่มนี้ในปริมาณ 4 ออนซ์ (120 มล.) ทำให้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานหากคุณดื่มในปริมาณที่พอเหมาะ
วอดก้าโซดา
คุณสามารถทำเครื่องดื่มที่เรียกว่า Vodka โซดานี้ได้แบบง่ายๆ โดยการผสมวอดก้าและคลับโซดาเข้าด้วยกันตราบใดที่คุณใช้โซดาที่ปราศจากไซรัปหรือส่วนผสมอื่นๆ ก็จะมีปริมาณคาร์โบไฮเดรตในเครื่องดื่มนี้เพียง 0 กรัม อย่างไรก็ตามปริมาณคาร์โบไฮเดรตอาจเพิ่มขึ้นอย่างมากหากคุณผสมวอดก้ากับน้ำโทนิค ซึ่งมีคาร์โบไฮเดรต 32 กรัมต่อกระป๋อง 12 ออนซ์ หรือโซดาที่มีน้ำตาล
หรือหากคุณต้องการแบบปรุงแต่ง ให้เลือกใช้น้ำอัดลมแบบปราศจากน้ำตาลมาปรุงแต่ง แทนวอดก้าที่ผ่านการผสมแล้ว เพราะนั่นอาจหมายความว่าพวกผู้ผลิตอาจเพิ่มส่วนผสมที่มีน้ำตาลหรืออื่นๆเข้ามาได้
บลัดดี้แมรี่
การทำ Bloody Mary นั้นไม่ยาก โดยเริ่มจากการผสมวอดก้าเข้ากับน้ำมะเขือเทศ ซึ่งซอสและเครื่องเทศต่างๆ ขึ้นอยู่กับสูตรของแต่ละยี่ห้อ และมักจะเสิร์ฟพร้อมกับก้านขึ้นฉ่ายหรือบางสูตรก็อาจจะตกแต่งด้วยใบโหระพา หลายคนมักจะชื่นชม Cocktail สูตรนี้ว่า “ดีต่อสุขภาพ” เนื่องจากมีส่วนประกอบของผัก และมีปริมาณคาร์โบไฮเดรต 7 กรัมจากน้ำมะเขือเทศ
อีกทั้งประโยชน์ของน้ำมะเขือเทศใน Bloody Mary ยังให้ไลโคปีนซึ่งเป็นสารสีในมะเขือเทศ ที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและป้องกันโรคเบาหวาน รวมถึงอาจปกป้องผู้ป่วยโรคเบาหวานจากโรคหัวใจได้ หากคุณกำลังทำ Bloody Mary ให้เลือกน้ำมะเขือเทศหลากหลายชนิด โดยไม่ต้องเติมเกลือ ทั้งนี้เพื่อเป็นการลดปริมาณโซเดียม เนื่องจากปริมาณโซเดียมที่สูงอาจนำไปสู่ความดันโลหิตสูงได้
หากคุณเป็นโรคเบาหวาน การดื่มแอลกอฮอล์อาจปลอดภัยสำหรับคุณได้หากคุณมีวิธีเลือกเครื่องดื่มที่เหมาะสม และพิจารณาถึงผลกระทบของแอลกอฮอล์ต่อระดับน้ำตาลในเลือดของคุณ โรคเบาหวานทำให้การผลิตหรือการทำงานของอินซูลินต่ำกว่าปกติ ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ ดังนั้นการจัดการระดับน้ำตาลในเลือดจึงมีความสำคัญ นอกจากนี้การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาจเพิ่มหรือลดระดับน้ำตาลในเลือดของคุณได้ ขึ้นอยู่กับเครื่องดื่มและอาหารที่คุณรับประทาน
ได้พาคุณมาทราบถึงรายละเอียดเกี่ยวกับ ประเภทของแอลกอฮอล์ที่เป็นมิตรสำหรับคนเป็นโรคเบาหวาน ! ไปอย่างจุใจแล้ว อย่างไรก็ตามพวกเราทีมงานบอกอย่างยิ่งว่าเรื่องราวนี้จะเป็นประโยชน์ในการเลือกเครื่องดื่มที่เหมาะสำหรับสุขภาพของคุณได้มากยิ่งขึ้นนะคะ แล้วกลับมาพบกับพวกเราได้ใหม่ในบทความครั้งต่อไปสำหรับวันนี้ต้องขออนุญาตลากันไปก่อน ขอให้คุณโชคดีและมีสุขภาพที่แข็งแรงในทุกๆวัน สวัสดีค่ะ
