เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าชามัทฉะนั้นมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างหลากหลายไม่ว่าจะช่วยเสริมสร้างการทำงานของสมองหรือเป็นการบำรุงหัวใจ เชื่อว่าข้อมูลเหล่านี้คนรักสุขภาพย่อมรู้กันดีอยู่แล้ว แต่ประโยชน์ของชามัทฉะนั้นดีต่อการฟื้นฟูร่างกายด้วยเช่นกัน วันนี้เราจะมาพูดกันถึงหัวข้อ ชามัทฉะช่วยฟื้นฟูสุขภาพของคุณได้อย่างไรบ้าง ที่นี่มีคำตอบ ! เพิ่งจะมาบอกให้ท่านผู้อ่านที่รักสุขภาพได้ทราบถึงวิธีรวมถึงประโยชน์ของชามัทฉะเพื่อให้คุณได้รู้จักกันมากยิ่งขึ้น หากอยากทราบกันแล้วว่าสาระน่ารู้ในครั้งนี้มีรายละเอียดอย่างไรบ้าง เราไปชมพร้อมๆกันได้เลยดังต่อไปนี้
มัทฉะคืออะไร?
มัทฉะคล้ายกับกับชาเขียว มัทฉะมาจากพืช Camellia sinensis ซึ่งมันเติบโตแตกต่างกันและมีสารอาหารที่เป็นเอกลักษณ์อันแตกต่างกัน สำหรับมัทฉะในช่วงการเจริญเติบโตส่วนใหญ่นั้น การขาดแสงแดดโดยตรงจะเพิ่มการผลิตคลอโรฟิลล์ ซึ่งเพิ่มปริมาณของกรดอะมิโน และทำให้พืชมีสีเขียวเข้มขึ้น หลังจากเก็บเกี่ยวใบแล้วผู้ผลิตจะนำลำต้นและใยออก แล้วทำการบดใบให้เป็นผงละเอียด นี่คือมัทฉะ มัทฉะมีสารอาหารจากใบชาทั้งใบ มีคาเฟอีนและมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าชาเขียวทั่วไป
จากการศึกษาเกี่ยวกับมัทฉะและส่วนประกอบของมัทฉะได้ค้นพบประโยชน์มากมาย แสดงให้เห็นว่ามันสามารถช่วยปกป้องตับ ส่งเสริมสุขภาพของหัวใจ และแม้กระทั่งช่วยในการลดน้ำหนัก
มัทฉะมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
มัทฉะอุดมไปด้วย catechins ซึ่งเป็นสารประกอบจากพืชชนิดหนึ่งในชาที่ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติ สารต้านอนุมูลอิสระจะช่วยทำลายให้อนุมูลอิสระหายไป (ซึ่งอนุมูลอิสระเป็นสารประกอบที่สามารถทำลายเซลล์และทำให้เกิดโรคเรื้อรังได้) มัทฉะที่ปลูกในที่ร่มเมื่อเก็บเกี่ยวใบแล้วปริมาณของคาเทชินจะต่ำกว่าชาเขียวประเภทอื่นๆ
และเมื่อคุณละลายในน้ำ มันจะผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า จากการศึกษาชิ้นหนึ่งแสดงให้เห็นว่าการให้อาหารเสริมมัทฉะกับหนูทดลอง ช่วยลดความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระและเพิ่มฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระได้ การใส่มัทฉะในอาหารของคุณสามารถเพิ่มปริมาณสารต้านอนุมูลได้ ซึ่งอาจช่วยป้องกันการทำลายเซลล์และลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังต่างๆ
มัทฉะอาจช่วยปกป้องตับ
ตับมีความสำคัญต่อสุขภาพและมีบทบาทสำคัญในการล้างสารพิษ เผาผลาญยา และแปรรูปสารอาหาร จากการศึกษาบางชิ้นพบว่ามัทฉะอาจช่วยปกป้องสุขภาพตับของคุณ รวมถึงจากการทบทวนผลการศึกษา 15 ชิ้น ในปี 2558 พบว่าการดื่มชาเขียวมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่ลดลงของโรคตับ
อย่างไรก็ตาม ในปี 2020 ผู้เชี่ยวชาญบางคนตั้งข้อสังเกตว่าแม้ว่ามัทฉะอาจเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เป็นโรคไขมันพอกตับ ที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ (NAFLD) โดยการลดเอนไซม์ตับ แต่อาจเพิ่มเอนไซม์ตับในผู้ที่ไม่มี NAFLD แต่จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อดูผลกระทบของมัทฉะต่อประชากรทั่วไป เนื่องจากการวิจัยส่วนใหญ่จำกัดอยู่เฉพาะการศึกษาตรวจสอบผลกระทบของสารสกัดจากชาเขียวในสัตว์
กระตุ้นการทำงานของสมอง
งานวิจัยบางชิ้นแสดงให้เห็นว่าส่วนประกอบหลายอย่างในมัทฉะ สามารถช่วยเพิ่มการทำงานของสมองได้ จากในการศึกษาหนึ่งในคน 23 คน พิจารณาว่าผู้คนปฏิบัติภารกิจต่างๆ ที่ออกแบบมาเพื่อวัดประสิทธิภาพของสมองอย่างไร ซึ่งพบว่าผู้เข้าร่วมบางคนที่ดื่มชามัทฉะหรือชาแท่งที่มีมัทฉะ 4 กรัม ในขณะที่กลุ่มควบคุมดื่มชาหรือยากล่อมประสาท ผู้ที่บริโภคมัทฉะมีพัฒนาการด้านความสนใจ เวลาตอบสนอง และความจำที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับผู้ที่รับประทานยากล่อมประสาท
การศึกษาขนาดเล็กอีกชิ้นหนึ่งแสดงให้เห็นว่าการบริโภคผงชาเขียว 2 กรัมทุกวันเป็นเวลา 2 เดือนช่วยปรับปรุงการทำงานของสมองในผู้สูงอายุ มัทฉะมีความเข้มข้นของคาเฟอีนสูงกว่าชาเขียว ขึ้นอยู่กับประเภท ยี่ห้อ และการแปรรูป ชาเขียวมักจะมีประมาณ 11–25 มิลลิกรัมต่อกรัม (มก./กรัม) ในขณะที่มัทฉะมี 19–44 มก./กรัม
นอกจากนี้มัทฉะยังมีสารประกอบที่เรียกว่าแอล-ธีอะนีน ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงผลกระทบของคาเฟอีน ส่งเสริมความตื่นตัว และช่วยหลีกเลี่ยงความผิดพลาดของระดับพลังงาน ที่อาจตามมาหลังการบริโภคคาเฟอีน ดังนั้นมัทฉะสามารถปรับปรุงการทำงานของสมองได้หลายด้าน จึงเป็นอีกหนึ่งเครื่องดื่มที่ควรลอง
มัทฉะอาจช่วยป้องกันมะเร็ง
มัทฉะมีสารประกอบบางอย่างที่เชื่อมโยงกับการป้องกันมะเร็งในหลอดทดลองและการศึกษาในสัตว์ ตัวอย่างเช่น มัทฉะมีอีพิกัลโลคาเทชิน-3-แกลเลต (EGCG) สูง ซึ่งเป็นคาเทชินชนิดหนึ่งที่อาจมีคุณสมบัติต้านมะเร็งที่ทรงพลัง
จากการศึกษาในห้องปฏิบัติการและสัตว์บางชิ้นแนะนำว่า มัทฉะอาจช่วยป้องกันมะเร็งบางชนิดได้ แม้ว่าจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม และจากอีกหนึ่งการศึกษาพบว่าสารประกอบในมัทฉะอาจยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้
อาจส่งเสริมสุขภาพหัวใจ
งานวิจัยบางชิ้นแนะนำว่าการดื่มชาเขียวซึ่งมีสารอาหารคล้ายกับมัทฉะอาจช่วยป้องกันโรคหัวใจได้ รวมถึงการบริโภคชาเขียวมีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดที่ลดลง เมื่อเทียบกับกาแฟและงานวิจัยบางชิ้นแนะนำว่า อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อความดันโลหิตสูงและภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ในผู้ที่เป็นโรคหัวใจ สารประกอบในมัทฉะนั้นคล้ายคลึงกับในชาเขียวและบางคนแนะนำว่ามันอาจมีประโยชน์คล้ายกัน อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าการศึกษาในสัตว์อย่างน้อยหนึ่งครั้ง จะขัดแย้งกับคำกล่าวอ้างนี้ อย่างไรก็ตามจากการศึกษาแสดงให้เห็นว่าชาเขียวและมัทฉะสามารถลดปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจได้หลายอย่าง
มัทฉะช่วยลดน้ำหนัก
ชาเขียวเป็นที่รู้จักกันดีในด้านความสามารถในการช่วยให้เราลดน้ำหนักได้ดี และมักมีอยู่ในอาหารเสริมลดน้ำหนัก จากการทบทวนในปี 2020 สรุปว่า เมื่อรวมกับการควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย การรับประทานชาเขียวมากถึง 500 มก. ต่อวันเป็นเวลา 12 สัปดาห์ อาจลดดัชนีมวลกายได้
แม้ว่าการศึกษาส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่ชาเขียว แต่มัทฉะมาจากพืชชนิดเดียวกันและมีสารประกอบที่คล้ายคลึงกันสรุปได้ว่าจากการศึกษาบางชิ้นแสดงให้เห็นว่า สารสกัดจากชาเขียวช่วยเพิ่มการเผาผลาญอาหารและการเผาผลาญไขมัน ซึ่งทั้งสองอย่างนี้อาจช่วยลดน้ำหนักได้
ชามัทฉะเตรียมง่าย
มีหลายวิธีในการเพลิดเพลินกับมัทฉะ โดยคุณสามารถชงชามัทฉะแบบดั้งเดิมได้โดยการร่อนผงมัทฉะ ในปริมาณ 1–2 ช้อนชา (2–4 กรัม) ลงในถ้วย เติมน้ำร้อน 2 ออนซ์ (59 มล.) แล้วผสมให้เข้ากันด้วยตะกร้อมือไม้ไผ่ ทั้งคุณยังสามารถปรับอัตราส่วนของผงมัทฉะต่อน้ำ ได้ตามความสม่ำเสมอที่คุณต้องการ
สำหรับชาให้ลดผงชาลงเหลือครึ่งช้อนชา (1 กรัม) แล้วผสมกับน้ำร้อน 3–4 ออนซ์ (89–118 มล.)แต่สำหรับสูตรเข้มข้น ให้ผสมผง 2 ช้อนชา (4 กรัม) กับน้ำเพียง 1 ออนซ์ (30 มล.) นอกจากนี้คุณยังสามารถรวมมัทฉะกับขมิ้นในชาหรือลาเต้ หรือผสมลงในอาหารและเครื่องดื่มที่มีนม เช่น ลาเต้หรือพุดดิ้งข้าว รวมถึงสามารถลองใส่ในของหวาน เช่น ไอศกรีมมัทฉะหรือคุกกี้ หากคุณรู้สึกสร้างสรรค์ ลองตีสมูทตี้โปรตีนเพื่อเพิ่มปริมาณสารอาหารในสูตรอาหารที่คุณชื่นชอบได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีอีกหลายวิธีในการเตรียมมัทฉะ ดังนั้นคุณสามารถเลือกวิธีที่คุณชอบที่สุดได้เลย ทราบอย่างนี้แล้วต้องอย่าลืมซื้อมัทฉะมาติดครัวติดตู้เย็นกันเอาไว้นะคะเพราะ แน่นอนว่ามันมีประโยชน์ในการช่วยฟื้นฟูสุขภาพของคนเราได้อย่างยอดเยี่ยม
เพราะการดูแลสุขภาพนั้นถือเป็นเรื่องที่สำคัญและเราทุกคนควรใส่ใจกันอยู่เสมอนะคะ สำหรับในครั้งนี้พวกเราทีมงานได้พาคุณมาทราบถึงเรื่องราวของ ชามัทฉะช่วยฟื้นฟูสุขภาพของคุณได้อย่างไรบ้าง ที่นี่มีคำตอบ ! พร้อมกับเคล็ดลับดีๆ ในการรับประทานมัทฉะกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามพวกเราหวังอย่างยิ่งว่า เรื่องราวนี้จะเป็นที่ถูกอกถูกใจสำหรับท่านผู้อ่านที่รักสุขภาพกันนะคะ แล้วกลับมาพบกับพวกเราได้ใหม่ในบทความครั้งต่อไป สำหรับวันนี้ต้องขออนุญาตลากันไปก่อนขอให้คุณโชคดีและมีสุขภาพที่แข็งแรงในทุกๆวันค่ะ
