โรคเบาหวานและคอเลสเตอรอลสูงมักเกิดขึ้นพร้อมกัน และหากระดับความสูงของสองสิ่งนี้เกิดขึ้นพร้อมกันก็ย่อมมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดสมองรวมถึงหัวใจวายได้ ดังนั้นการควบคุมอาหารและเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพย่อมมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงนี้ได้ ซึ่งในวันนี้เราจะมาบอกเคล็ดลับการดูแลตัวเองในชีวิตประจำวัน สำหรับคนเป็นโรคเบาหวาน ! เพราะแน่นอนว่ามันจะต้องเป็นประโยชน์สำหรับการนำเคล็ดลับนี้มาปรับใช้ในชีวิตประจำวันของคุณได้ง่ายยิ่งขึ้น และเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราไปพบกับสาระที่น่าสนใจไปพร้อมๆกันเลยดังต่อไปนี้ค่ะ
การรักษาและจัดการคอเลสเตอรอลสูง
หากคุณได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวาน คุณทราบดีว่าการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดเป็นสิ่งสำคัญ ยิ่งคุณสามารถรักษาระดับเหล่านี้ให้ต่ำลงได้มากเท่าใด ความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดและปัญหาสุขภาพอื่นๆ ก็จะยิ่งลดลงเท่านั้น การเป็นโรคเบาหวานทำให้คุณมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดคอเลสเตอรอลสูง และสิ่งนี้เป็นสิ่งที่คุณควรเช็คในทุกๆวัน และไม่ได้หมายเพียงถึงระดับของน้ำตาลในเลือดเท่านั้นแต่คุณควรเช็คคอเลสเตอรอลในร่างกายไปพร้อมๆกัน
โรคเบาหวานและคอเลสเตอรอลสูงมักเกิดขึ้นพร้อมกัน
หากคุณเป็นทั้งเบาหวานและมีคอเลสเตอรอลสูงร่วมด้วย สมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกา (AHA) ระบุว่า โรคเบาหวานมักจะลดระดับคอเลสเตอรอล HDL (ดี) และเพิ่มระดับไตรกลีเซอไรด์ รวมถึงคอเลสเตอรอล LDL (ไม่ดี) ทั้งสองอย่างนี้เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด
ระดับคอเลสเตอรอล LDL ต่ำกว่า 100 มิลลิกรัม/เดซิลิตร (มก./ดล.) ถือว่าเหมาะสม 100–129 มก./ดล. ค่อนข้างใกล้เคียงกับระดับของคนที่มีสุขภาพดีไม่เสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน หากระดับอยู่ที่ 130–159 มก./ดล. เรียกได้ว่าเป็นเกณฑ์ที่ค่อนข้างสูง ซึ่งระดับคอเลสเตอรอลสูงอาจเป็นอันตรายได้
คอเลสเตอรอลเป็นไขมันชนิดหนึ่งที่สามารถสร้างขึ้นภายในหลอดเลือดแดง เมื่อเวลาผ่านไปมันสามารถแข็งตัวเป็นแผ่นแข็งได้ และนั่นอาจทำลายหลอดเลือดแดงได้เพราะจะทำให้แข็งและแคบลง รวมถึงสามารถขัดขวางการไหลเวียนของเลือด ซึ่งสิ่งนี้ส่งผลทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือดและเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดเพิ่มขึ้น
ในการศึกษาหนึ่งที่ตีพิมพ์ใน The Journal of Lipid Research พบว่าน้ำตาลในเลือด อินซูลิน และคอเลสเตอรอลล้วนมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกันในร่างกาย ซึ่งผลกระทบต่างๆมีความเชื่อมโยงกัน ในขณะเดียวกัน สิ่งที่สำคัญคือคุณต้องตระหนักถึงส่วนผสมระหว่างสองสิ่งนี้ แม้ว่าคุณจะควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ แต่ระดับคอเลสเตอรอล LDL ของคุณอาจยังคงเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามคุณสามารถควบคุมทั้งสองเงื่อนไขนี้ได้ด้วยยาและพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ดี เป้าหมายหลักคือการลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด และแน่นอนว่าการสังเกตระดับน้ำตาลและระดับของคอเลสเตอรอลในร่างกายของคุณในทุกๆวัน ถือเป็นเรื่องจำเป็นที่คุณต้องควรทราบ
ดูตัวเลขของคุณ
คุณรู้อยู่แล้วว่าการดูระดับน้ำตาลในเลือดเป็นสิ่งสำคัญ ถึงเวลาดูจำนวนคอเลสเตอรอลของคุณเช่นกัน ดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ระดับคอเลสเตอรอล LDL ที่ 100 หรือน้อยกว่านั้นเหมาะสมที่สุด ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ในการรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ภายใต้การควบคุม แต่ก็อย่าลืมตรวจสอบหมายเลขอื่นๆ ในร่างกายของคุณระหว่างการพบแพทย์ประจำปีด้วยเช่นกัน รวมถึงไตรกลีเซอไรด์และระดับความดันโลหิตของคุณ ความดันโลหิตปกติคือ 120/80 mmHg เอเอชเอ และขอแนะนำว่าผู้ที่เป็นเบาหวานควรจะมีความดันโลหิตน้อยกว่า 130/80 mmHg ไตรกลีเซอไรด์ทั้งหมดควรน้อยกว่า 200 มก./ดล. อย่างไรก็ตามตัวเลขที่ระบุค่าต่างๆในร่างกายทุกอย่างถือเป็นสิ่งที่เราควรทราบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเรากำลังอยู่ในช่วงของการเผชิญกับโรคเบาหวาน
ต้องอย่าลืมปฏิบัติตามคำแนะนำด้านสุขภาพมาตรฐาน
มีทางเลือกในการดำเนินชีวิตที่รู้จักกันดีซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดได้อย่างชัดเจน คุณอาจรู้สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดแล้ว แต่ขอให้แน่ใจว่าคุณกำลังทำทุกอย่างแบบสม่ำเสมอในทุกๆวันรวมถึง การเลิกสูบบุหรี่หรือไม่เริ่มสูบบุหรี่จะเป็นการดีที่สุด นอกจากนี้ยังรวมถึงการใช้ยาทั้งหมดของคุณด้วยเช่นกัน และก่อนที่คุณจำเป็นจะต้องใช้ยาต่างๆ ต้องควรเป็นยาที่คุณได้รับคำสั่งจากแพทย์เท่านั้น เพื่อความปลอดภัยทางด้านสุขภาพของตัวคุณเอง
การเดินย่อยหลังรับประทานอาหาร
สำหรับผู้ที่กำลังเผชิญอยู่กับภาวะเบาหวานนั้น คุณอาจทราบอยู่แล้วว่าการออกกำลังกายนั้นถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลได้ดี ดังนั้นการเดินย่อยแบบเบาๆหลังมื้ออาหารโดยเฉพาะอย่างยิ่งคืออาหารมื้อหนัก ถือเป็นสิ่งจำเป็นที่คุณควรกระทำอย่างสม่ำเสมอ
เนื่องจากมันเป็นอีกหนึ่งวิธีออกกำลังกายที่ดีต่อสุขภาพและไม่ได้หนักมากนัก เพราะสิ่งนี้จะช่วยในการจัดการกับคอเลสเตอรอลที่อาจเพิ่มขึ้นสูงหลังมื้ออาหารได้ อีกทั้งยังสามารถช่วยเพิ่มระดับ HDL คอเลสเตอรอล ที่ช่วยป้องกันโรคหัวใจได้ในบางกรณี รวมถึงสิ่งนี้สามารถลดระดับของคอเลสเตอรอล LDL ได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย
การศึกษาขนาดเล็กของประเทศนิวซีแลนด์ที่ตีพิมพ์ใน Diabetologia รายงานว่าระดับน้ำตาลในเลือดดีขึ้น “โดดเด่นเป็นพิเศษ” เมื่อผู้เข้าร่วมเดินย่อยหลังอาหารเย็น ซึ่งผู้เข้าร่วมเหล่านี้มีระดับน้ำตาลในเลือดลดลงมากกว่าผู้ที่ไม่ได้ปฏิบัติ และแน่นอนว่าการเดินเป็นสิ่งที่ดีต่อการลดระดับของการมีคอเลสเตอรอลสูง ทราบอย่างนี้หลังมื้ออาหารเย็นต้องอย่าลืมเดินย่อยกันนะคะ
หายใจให้หนักขึ้นกว่าปกติเพียง 5 ครั้งต่อสัปดาห์
นอกจากการเดินหลังอาหารแล้ว การออกกำลังกายแบบแอโรบิคประมาณ 30 นาทีทุกวัน 5 ครั้งต่อสัปดาห์ก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน จากการทบทวนการศึกษาปี 2014 ที่ตีพิมพ์ใน Sports Medicine นักวิจัยพบว่ากิจกรรมแอโรบิกที่มีความเข้มข้นปานกลาง สามารถให้ผลได้พอๆกับประเภทที่มีความเข้มข้นสูงเมื่อพูดถึงการปรับระดับคอเลสเตอรอลให้เหมาะสม
การเดินย่อยแบบช้าๆ ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ หรือเล่นเทนนิสถือเป็นกิจกรรมที่ช่วยทำให้ร่างกายของคุณแข็งแรงยิ่งขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้คุณสามารถทำในชีวิตประจำวันได้แบบไม่ยุ่งยาก อีกทั้งการออกกำลังกายแบบแอโรบิกยังมีประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคเบาหวานอีกด้วย
นอกจากการศึกษาในปี 2550 ที่ตีพิมพ์ใน PLOS One รายงานว่าช่วยลดระดับ HbA1c ในผู้เข้าร่วมที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 การศึกษาอื่นที่ตีพิมพ์ใน Diabetes Care พบว่าการฝึกออกกำลังกายช่วยลดรอบเอวและระดับ HbA1c ได้ ซึ่งนอกจากน้ำตาลในเลือดจะลดแล้วยังช่วยทำให้หุ่นสวยได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ยกของหนักๆ
เมื่อเราอายุมากขึ้น เราจะสูญเสียกล้ามเนื้อไปตามธรรมชาติ นั่นเป็นสิ่งที่ไม่ดีต่อสุขภาพโดยรวมของเราหรือต่อสุขภาพหัวใจ รวมถึงหลอดเลือด คุณสามารถต่อต้านการเปลี่ยนแปลงนั้นได้โดยเพิ่มการฝึกด้วยน้ำหนักลงในตารางประจำสัปดาห์ของคุณ
นักวิจัยในการศึกษาของ Diabetes Care กล่าวถึงรายงานก่อนหน้านี้ว่า การฝึกด้วยแรงต้านหรือการฝึกด้วยน้ำหนักเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมคอเลสเตอรอล และในการศึกษาปี 2013 ที่ได้มีการตีพิมพ์ใน Journal of Applied Physiology ซึ่งนักวิจัยพบว่า ผู้ที่มีโปรแกรมยกน้ำหนักเป็นประจำจะมี HDL ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าผู้ที่ไม่มี
การฝึกด้วยน้ำหนักเหล่านี้ยังมีประโยชน์สำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานด้วย เพราะแรงต้านช่วยให้ผู้เข้าร่วมสร้างกล้ามเนื้อได้ ทั้งยังช่วยปรับปรุงสุขภาพเมตาบอลิซึมโดยรวม และลดปัจจัยเสี่ยงทางเมตาบอลิซึมสำหรับผู้ที่เป็นเบาหวาน อย่างไรก็ตามคุณสามารถยกของหนักๆในการใช้ชีวิตประจำวันได้แบบง่ายๆ เช่นการยกถังน้ำ ยกถุงข้าวสารในขณะ Shopping รวมถึงยกกระถางต้นไม้ก็ถือเป็นการออกกำลังกายอีก 1 รูปแบบที่ยอดเยี่ยม ทราบอย่างนี้แล้วต้องอย่าลืมให้เวลาตัวเองได้ยกของหนักบ้างในแต่ละวันนะคะ
เพราะการดูแลสุขภาพถือเป็นสิ่งที่เราทุกคนควรปฏิบัติ รวมถึงการสังเกตร่างกายของตนเองอย่างเป็นประจำถือเป็นสิ่งจำเป็น และหากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่กำลังเผชิญโรคเบาหวานอยู่ในทุกๆวันนั้น เราเชื่อว่าบทความ เคล็ดลับการดูแลตัวเองในชีวิตประจำวัน สำหรับคนเป็นโรคเบาหวาน ! นี้ จะต้องเป็นประโยชน์สำหรับคุณมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน แล้วพบกันใหม่กับบทความในครั้งต่อไป สำหรับวันนี้ต้องขออนุญาตลากันไปก่อนสวัสดีค่ะ