บางครั้งคนเราเวลาที่มีความรู้สึก เศร้า เสียใจ ก็มักจะ “ ร้องไห้ออกมาเป็นหยด น้ำตา ” ตามหลายๆ บทเพลงที่เคยได้ยินได้ฟัง การร้องไห้บ่งบอกถึงความรู้สึกต่างๆ การมี น้ำตาไม่ได้หมายความว่าจะต้องเสียใจ เศร้า เสมอไป หากแต่บางครั้งก็รู้สึกปลื้มใจ ปลื้มปิติ จนทำน้ำตาไหลออกมาได้ น้ำตาก็มีข้อดีหลายอย่าง เช่นช่วยรักษาดวงตาให้ชุ่มชื้น ช่วยขจัดสิ่งแปลกปลอมที่จะเข้าไปในดวงตา นอกจากจะมีประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อจิตใจมากเช่นกัน วันนี้เราจะมาบอกถึงประเด็นของน้ำตาว่ามีประโยชน์อย่างไร
ในน้ำตามีอะไร ? หลายคนอาจเคยตั้งคำถามในใจเกี่ยวกับสิ่งนี้ อันที่จริงน้ำตามีโครงสร้างคล้ายกับน้ำลาย น้ำตาจะมีรสชาติเค็ม มีรสกร่อยแต่นั่นไม่ใช่น้ำเกลือธรรมดา
ในน้ำตามีองค์ประกอบหลายชนิด เช่น เอนไซม์, ไขมัน สารจากปฏิกิริยาทางชีวเคมีอย่าง เมแทบอไลต์ การร้องไห้ของคนเรานั้นจะมีสารชนิดที่แตกต่างกันออกไปจากน้ำตา อีกสองชนิด ซึ่งปัจจุบันทางวิทยาศาสตร์ยังคงหาคำตอบไม่ได้ แต่นักวิทยาศาสตร์บางคนคาดว่ามี ฮอร์โมนโปรแลคติน อะดรีโนคอร์ติโค โทรปิกฮอร์โมน และฮอร์โมนความเครียดอย่างเร็วเอ็นคีฟาลิน รวมไปถึง แมงกานีส โพแทสเซียม ในระดับที่สูงกว่าน้ำตาชนิดอื่น
“ น้ำตา ” ถูกสร้างมาจากอะไร!? เป็นคำถามที่หลายๆ คนคงเคยสงสัย น้ำตาถูกผลิตจากต่อมน้ำตาบริเวณเหนือดวงตา น้ำตา จะกระจายตัวออกมายังพื้นที่ของดวงตา แล้วค่อยๆ ไหลกลับไปยังต่อมเล็กๆโดยทุกครั้งที่กระพริบตาบริเวณเปลือกตาชั้นบนและชั้นล่างจะถูกระบายออก
เด็กทารกบางคนอาจเกิดมามีท่อระบายน้ำตาอุดตัน แต่อาการนี้มักดีขึ้นเองเมื่อเวลาผ่านไป สาเหตุมักจะเกิดจากการติดเชื้อที่ตาทำให้ตาบวม หรือตาได้รับบาดเจ็บ และที่มากไปกว่านั้นคือ อาจมีเนื้องอกบริเวณตา
การกลั้น “ น้ำตา ” นั้นก็นับว่ามีผลเสียเช่นกัน การร้องไห้เป็นการปลดปล่อยเพื่อได้ผ่อนคลายอารมณ์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นร้องไห้เพราะความเครียด เพราะความเศร้าความสะเทือนใจ หรือจากอารมณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะจากความรู้สึกที่มีต่อสิ่งใด ที่ทำให้รู้สึกเสียใจนั้น ที่จริงแล้วเป็นเรื่องของอารมณ์ความรู้สึกไม่ใช่สิ่งที่ควรอดกลั้น แต่ควรปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติของมนุษย์ เพราะการกลั้นน้ำตาไม่ให้ร้องไห้เลยนั้น จะส่งผลต่อสุขภาพทั้งทางกายและทางจิตใจ ในกลุ่มผู้ชายที่มักจะตีความหมายของการร้องไห้ในเชิงลบว่า “ เป็นการแสดงความอ่อนแอ ” ทั้งที่ความจริงแล้วนั่นคือเรื่องของความรู้สึก ที่บางครั้งก็ห้ามกันไม่ได้ การร้องไห้จนมี น้ำตา จึงเป็นเรื่องธรรมชาติ ที่สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย
การร้องไห้จนมี “ น้ำตา ” คุณรู้หรือไม่ว่าจะทำให้เรามีอารมณ์ที่ดีขึ้น จากการรวบรวมข้อมูลเพื่อการศึกษาวิจัยพบว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่การร้องไห้สิ้นสุดลง นั้นอาจจะทำให้เรามีความสุขขึ้น ส่งผลดีต่อสุขภาพกายและใจ การร้องไห้จะช่วยชำระล้างสารเคมีที่เป็นผลเสียต่อร่างกายออกไปได้ และในขณะเดียวกันก็จะช่วยทำให้สภาวะจิตใจดีขึ้น
การร้องไห้จะช่วยลดความเครียดได้ อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า น้ำตาของคนเรานั้นมีแร่ธาตุชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “แมงกานิส” อยู่มากกว่าเลือดถึงสาม 10 เท่า ซึ่งแร่ธาตุชนิดนี้มีส่วนทำให้ร่างกายเกิดความเครียด โดย วิลเลียม เฟรย์ นักชีวะเคมี และผู้เขียนหนังสือเรื่อง “ Crying : the mystery of Tears” ซึ่งได้ศึกษาและพบว่าการร้องไห้เป็นวิธีขจัดแร่ธาตุชนิดแมงกานิสที่ดีที่สุด และยังทำให้ความเครียดลดลงได้อย่างน่าอัศจรรย์อีกด้วย
นอกจากนี้ น้ำตา ที่มาจากการร้องไห้นั้น ยังเสริมสร้างความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นมากขึ้น หลายคนคงเข้าใจความหมายของประโยคที่ว่า “น้ำตาเป็นตัวกระตุ้นความรู้สึกที่ละเอียดอ่อน” ซึ่งก็อาจจะจริง และสามารถใช้ได้กับคนทุกเพศทุกวัย ด้านวารสารวิชาการ Evolutionary Psychology ได้ตีพิมพ์บทวิเคราะห์ Oren Hassan และยังได้วิเคราะห์ไว้อีกว่า การร้องไห้เป็นการกระตุ้นความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ บ่องบอกความรู้สึกที่เกี่ยวกับการสนับสนุนซึ่งกันและกัน จึงทำให้ความสัมพันธ์ที่เคยแตกแยก อาจกลับกลายเป็นดี และนับว่าเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้น
หวังว่าคงจะถูกใจ กับเรื่องราว รู้หรือไม่ว่า “ น้ำตา ” ก็มีประโยชน์นะจ๊ะ จะบอกให้ ! อันนี้
Taxx 14/1/64 ( แม่และเด็ก )
เครดิตภาพ Thairath.co.th