ปัญหาทางด้านสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นกับนักกีฬาวิ่งระยะไกล ที่มีการฝึกซ้อมอย่างหนักนั้นนั้นมีอยู่หลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของภาวะกล้ามเนื้อสลาย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าห่วง และนี่คือเหตุผลที่ทำให้ในครั้งนี้เราจะมาพูดถึงหัวข้อ เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ ภาวะกล้ามเนื้อสลาย สาระดีๆที่ควรบอกต่อ ! เพื่อให้คุณได้ทราบถึงสาระที่น่ารู้ สำหรับเอาไว้ปรับใช้กับการออกกำลังกายในชีวิตประจำวันของคุณได้ดีขึ้น และเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราจะพาคุณไปพบกับสาระน่ารู้ในเรื่องนี้กันเลย
Rhabdomyolysis (rhabdo) คือการสลายของกล้ามเนื้อโครงร่างที่เสียหาย
การสลายตัวของกล้ามเนื้อทำให้เกิดการปล่อย myoglobin เข้าสู่กระแสเลือด ซึ่ง Myoglobin เป็นโปรตีนที่จะเก็บออกซิเจนไว้ในกล้ามเนื้อของคุณ หากคุณมีไมโอโกลบินในเลือดมากเกินไปอาจทำให้ไตเสียหายได้ นอกจากนี้ยังปล่อยโพแทสเซียมปริมาณมากเข้าสู่กระแสเลือดได้อีกด้วย ซึ่งสิ่งนี้สามารถขัดขวางจังหวะการเต้นของหัวใจได้
ในสหรัฐอเมริกามีผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์รายงานผลว่า มีผู้คนประมาณ 25,000 รายที่ประสบกับภาวะนี้ในแต่ละปี ซึ่ง Rhabdo ถือได้ว่าเป็นภาวะรุนแรงที่อาจนำไปสู่ความพิการอย่างถาวร หรืออาจถึงแก่ชีวิตได้ แต่ยังมีการรักษาโดยการให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ (IV) ที่แพทย์ยังสามารถดำเนินการเพื่อลดความเสียหายของไตได้
อาการของภาวะกล้ามเนื้อสลาย
อาการเริ่มต้นของภาวะแรบโด (rhabdo) อาจดูเล็กน้อย ซึ่งไม่มีการแสดงอากาารที่เฉพาะเจาะจงนัก แต่เราสามารถสังเกตได้แบบง่ายๆตามอาการดังนี้ เริ่มมีกล้ามเนื้ออ่อนแรง ปัสสาวะออกน้อย เกิดความเหนื่อยล้า มีความเจ็บปวดทางด้านอวัยวะต่างๆ เช่นตามแขนขา มีอาการช้ำ การปัสสาวะมีสีเข้มและสีชา
ปัสสาวะไม่บ่อย มีไข้ รู้สึกไม่สบายตัวหรือรู้สึกไม่สบาย คลื่นไส้ อาเจียน กระสับกระส่าย และอาการเหล่านี้อาจเริ่มชัดเจนหลังจากได้รับบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อ
แต่ในบางคนอาจไม่สังเกตเห็นอาการจนกว่าจะผ่านไปสองสามวันหลังจากได้รับบาดเจ็บ หรืออาจไม่แสดงอาการใดๆ เลย หากคุณสงสัยว่าคุณกำลังเป็นโรคแรบโดอย่างกระทันหัน ให้รีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษาทันที ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้
สาเหตุของการเกิดภาวะ rhabdomyolysis มาจากอะไร?
การบาดเจ็บของกล้ามเนื้อมักกระตุ้นให้เกิดภาวะแรบโดได้ อย่างไรก็ตามในกรณีนี้ “การบาดเจ็บ” ไม่ได้หมายถึงการบาดเจ็บทางร่างกายจากอุบัติเหตุเท่านั้น แต่อาจมีสาเหตุทางกายภาพ ทางเคมี หรือพันธุกรรมด้วยเช่นกัน สิ่งใดก็ตามที่สร้างความเสียหายให้กับกล้ามเนื้ออย่างรุนแรงสามารถนำไปสู่โรคราบโดได้ ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เราคสรระวังให้ใมากที่สุด
การบาดเจ็บ จากความร้อน และการออกแรง
สาเหตุในประเภทนี้ ได้แก่การบาดเจ็บจากการถูกกดทับ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้เมื่อมีของหนักตกลงมาทับคุณ
หรือในกรณีที่ปะทะกับความร้อนอย่างรุนแรง อย่างเช่นการถูกเผาไหม้ระดับที่สาม หลอดเลือดอุดตัน
ฟ้าผ่า มีอาการตัวสั่นอย่างรุนแรง รวมถึงการออกแรงของกล้ามเนื้อที่เกินกำลังเช่นการฝืนร่างกายยกของหนักมากเกินไป นอกจากนี้การเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ และออกกำลังกายอย่างหนัก เช่น การวิ่งมาราธอน ก็ส่งผลต่อความเสี่ยงของการเกิดภาวะ rhabdomyolysis ได้เช่นกัน
ความผิดปกติทางพันธุกรรมและการเผาผลาญ
บางคนสามารถมีความเสี่ยงต่อการพัฒนา rhabdo ได้ เนื่องจากสภาวะทางพันธุกรรม เช่น ปัญหาเกี่ยวกับการเผาผลาญของไขมันหรือผู้ที่มีไขมันสูง การรับคาร์โบไฮเดรตมากเกินไปก็ถือเป็นความเสี่ยงต่อการได้รับภาวะดังกล่าวได้ พิวรีนที่อยู่ในอาหารบางชนิด เช่น ปลาซาร์ดีน ตับ หน่อไม้ฝรั่ง
ก็ถืออเป็นปัญหาเกี่ยวกับเมตาบอลิซึมได้
นอกจากนี้อาการดังกล่าวต่อไปนี้สามารถกระตุ้นให้เสี่ยงต่อการเกิดภาวะ rhabdo ได้เช่นกัน อันได้แก่การมีระดับไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำ มีภาวะเบาหวาน หรือมีการสะสมของคีโตนในร่างกายมากเกินไป รวมถึงความไม่สมดุลของอิเล็กโทรไลต์
ความผิดปกติทางพันธุกรรมที่สามารถนำไปสู่โรคแร็บโดได้ ซึ่งแก่ การขาดคาร์นิทีน โรคแมคอาร์เดิล การขาดแลคเตทดีไฮโดรจีเนส Duchenne กล้ามเนื้อเสื่อม
การติดเชื้อและการอักเสบ
การติดเชื้อและการอักเสบหลายประเภทสามารถทำให้เกิด rhabdo ได้ รวมถึง การติดเชื้อไวรัส เช่น HIV และ coxsackievirus การติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น เชื้อซัลโมเนลลา โพลีไมโออักเสบ เกิดผิวหนังอักเสบ
หรือได้รับพิษจากงูพิษและแมลงสัตว์กัดต่อย นอกจากนี้การกินเห็ดพิษก็มีความเสี่ยงกับการเกิดภาวะกล้ามเนื้อสลายได้ด้วยเช่นกัน
ยาและสารพิษ
สาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งของ rhabdo คือยากลุ่ม statin ซึ่งเป็นยาลดคอเลสเตอรอลที่หลายคนใช้ รวมถึงอะทอร์วาสแตติน (อะทอร์วาสแตติน) rosuvastatin (เครสเตอร์) pravastatin (ประวาชล) แม้ว่า rhabdo จะเกิดขึ้นกับเพียงไม่กี่คนที่ใช้ยากลุ่ม statin แต่สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักถึงความเสี่ยง
เนื่องจากได้มีการพบแล้วว่ามีหลายคนในสหรัฐอเมริกา ที่ใช้ยาสแตตินเหล่านี้ในช่วงปี 2554 และ 2555 ประมาณ 26 เปอร์เซ็นต์ มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะนี้ เนื่องจากการสัมผัสกับยา รวมถึงสารพิษบางชนิด และแอลกอฮอล์ในปริมาณสูง
นอกจากนี้ยาอื่น ๆ ที่สามารถทำให้เกิด rhabdo ได้คือ โคเคน ยาบ้า ไซโคลสปอริน อิริโทรมัยซิน ยาโคลชิซิน แอลเอสดี (กรด) มีสาเหตุที่เป็นไปได้อื่นๆ อีกมากมาย นี่เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น
การวินิจฉัยและการทดสอบในห้องปฏิบัติการ
แพทย์จะตรวจดูและสัมผัสกล้ามเนื้อโครงร่างที่ใหญ่ขึ้นในร่างกายของคุณ โดยเฉพาะส่วนที่ปวดจะได้รับการตรวจอย่างละเอียดมากที่สุด นอกจากนี้ยังอาจทำการตรวจปัสสาวะและเลือดเพื่อยืนยันการวินิจฉัย rhabdo การทดสอบเพื่อตรวจสอบสุขภาพของกล้ามเนื้อและไต อาจรวมถึงการทดสอบระดับของ ครีเอทีนไคเนส นี่คือเอนไซม์ที่พบในกล้ามเนื้อโครงร่าง สมอง และหัวใจ
Myoglobin ในเลือดและปัสสาวะเป็นโปรตีนที่เกิดขึ้นได้จากการสลายตัวของกล้ามเนื้อ รวมถึงโพแทสเซียมซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญอีกชนิดหนึ่ง ที่อาจรั่วไหลออกมาจากกระดูกและกล้ามเนื้อจนทำให้ได้รับบาดเจ็บได้
นอกจากนี้ Creatinine ในเลือดและปัสสาวะ เป็นผลมาจากการสลายของกล้ามเนื้อที่ได้รับบาดเจ็บ โดยปกติแล้วไตจะขับสิ่งนี้ออกจากร่างกาย ซึ่งหากมีสารเหล่านี้ในระดับสูงเป็นสัญญาณว่างกล้ามเนื้อของคุณกำลังจะได้รับความเสียหาย ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่เราทุกคนควรระวังให้มากที่สุด
ตัวเลือกการรักษา rhabdomyolysis
หากทีมแพทย์วินิจฉัยโรคแรบโดได้ตั้งแต่เนิ่นๆ พวกเขาสามารถรักษาได้สำเร็จโดยไม่ทำลายไตในระยะยาว ผู้คนส่วนใหญ่ที่มีภาวะ rhabdo จะได้รับของเหลวผ่านทางหลอดเลือดดำ โดยการหยดเข้าทางหลอดเลือดดำ (IV) บางคนอาจต้องทำการฟอกไตหรือการกรองเลือด เพื่อจัดการกับความเสียหายของไต
แต่หากในนกรณีที่รุนแรงกว่านั้น ผู้ที่เป็นโรคแรบโดที่กระทบกระเทือนจิตใจและไม่เจ็บปวด มักได้รับการรักษาแบบเดียวกัน แต่อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสาเหตุเฉพาะ นอกจากนี้ผู้ที่มีระดับโพแทสเซียมสูงอย่างรุนแรงจะได้รับยาที่ช่วยลดระดับในกระแสเลือดอย่างรวดเร็ว
การเยียวยาอาการที่บ้านด้วยตนเอง
ในกรณีที่อาการของแรบโดไม่รุนแรง การรักษาที่บ้านสามารถช่วยในกระบวนการฟื้นตัวได้ เป้าหมายของการรักษาที่บ้าน ได้แก่ การพักผ่อนร่างกายเพื่อให้กล้ามเนื้อของคุณสามารถฟื้นตัว และคืนน้ำให้แก่ร่างกายเพื่อช่วยป้องกันความเสียหายของไตเพิ่มเติม
เมื่อคุณรู้สึกเหนื่อยล้าให้เอนกายในท่าที่สบายและพยายามผ่อนคลาย จำเป็นจะต้องดื่มน้ำมากๆ รวมถึงการับประทานอาหารเหลวมากๆ เช่น น้ำซุปใสและเครื่องดื่มเกลือแร่ ที่ช่วยฟื้นฟูร่างกาย
เคล็ดลับในการป้องกัน rhabdomyolysis
ค่อนข้างมีหลายวิธีในการลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะ rhabdo ที่จะให้ความชุ่มชื้นก่อนออกกำลังกาย โดยคุณสามารถป้องกัน rhabdo ได้โดยการดื่มน้ำมาก ๆ ก่อนและหลังการออกกำลังกายอย่างหนัก สิ่งนี้จะทำให้ปัสสาวะของคุณเจือจาง และช่วยให้ไตของคุณกำจัดไมโอโกลบินที่กล้ามเนื้อของคุณได้ปล่อยออกมาระหว่างออกกำลังกาย
ควรรักษาความชุ่มชื้นหากคุณมีภาวะกล้ามเนื้อเสื่อมหรือการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อเมื่อไม่นานมานี้ คุณสามารถป้องกัน rhabdo ได้ด้วยการดื่มน้ำให้เพียงพอตลอดเวลา ดังนั้นอย่าลืมพกขวดน้ำแบบรีฟิลไว้กับคุณตลอดเวลา เพราะการมีขวดน้ำแบบเติมได้หมายความว่าคุณจะสามารถเข้าถึงเครื่องดื่มได้ตลอดเวลา
ได้พาคุณมาทราบถึง เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ ภาวะกล้ามเนื้อสลาย สาระดีๆที่ควรบอกต่อ ! กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามโอกาสทีมงานเชื่อว่า เรื่องราวนี้จะต้องเป็นประโยชน์สำหรับคุณได้มากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน แล้วกลับมาพบกับพวกเราได้ใหม่ในบทความครั้งต่อไปนะคะ สำหรับวันนี้ต้องขออนุญาตลากันไปก่อนขอให้คุณโชคดีและมีสุขภาพแข็งแรงในทุกๆวัน